เรื่องน้ำน่ารู้
- ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วต่อวัน
- อย่ารอให้รู้สึกกระหายน้ำก่อนถึงจะหาน้ำเย็น ๆ มาดื่ม เพราะนั่นแสดงว่าร่างกายสูญเสียน้ำไปแล้วประมาณ 2-3 แก้ว ทางที่ดีควรขยันจิบน้ำไปเรื่อย ๆ ทั้งวันจะดีกว่า
- พยายามเลี่ยงการดื่ม กาแฟ ชา น้ำอัดลม ซึ่งมีคาเฟอีนและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นการขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมาก ขึ้น
- น้ำเย็นจะซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและช่วยดับร้อนได้ดีกว่าน้ำอุ่น
- ร่างกายของเราไม่สามารถเก็บน้ำไว้ใช้ได้เราจึงต้องดื่มน้ำเป็นประจำ ถ้าร่างกายได้รับน้ำไม่พอก็จะเกิดภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย หน้ามืด หรือช็อคหมดสติเป็นอันตรายได้
- การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักมาก เนื่องจากน้ำจะช่วยให้ไตสามารถขับของเสียออกมาได้ดีขึ้
อย่าลืมเริ่มต้นวันใหม่และอำลาวันเก่าอย่างสดชื่นด้วยน้ำเปล่า
1 แก้วเป็นประจำทุกวัน
1. น้ำ ยาดีที่อยู่ใกล้ตัว
บางคนอาจจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้ำช่วยรักษาโรคได้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ทำให้หายเจ็บปวดในทันที แต่อาการเจ็บป่วยบางอย่างสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดื่มน้ำนะ ไม่ว่าจะเป็น ปวดศีรษะ ปัญหาระบบย่อยอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ไมเกรนและที่แน่ ๆ น้ำช่วยรักษาปัญหาผิวหนังได้อย่างแน่นอน เพราะน้ำจะไปช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกน้ำ รักษาโรคแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะบรรเทาเบาบางไปได้ ก็ต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ลิตรนะ
2. น้ำ ยาลดปวดศรีษะ
น้ำนอกจากจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย และเพิ่มความสดชื่นแล้ว น้ำยังมีประโยชน์ต่อคนที่ปวดศีรษะเป็นประจำ หรือคนที่เป็นโรคไมเกรนได้ดีอีกด้วย หากได้ดื่มน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้อาการปวดไมเกรนลดลงได้บ้าง เพราะผลการวิจัยบอกว่าในรายที่ ป่วยเป็นโรคไมเกรน หากร่างกายขาดน้ำก็จะยิ่งปวดไมเกรนมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อช่วยลดอาการดังกล่าว
3. สมาธิเกิดได้ด้วยน้ำ
เชื่อหรือไม่ว่า น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในร่างกายของคนเราจะช่วยเพิ่มความสดชื่นกับร่าง กายแล้ว น้ำยังช่วยทำให้จิตใจของเราผ่อนคลาย ลดความเครียด และเกิดสมาธิ
นอกจากจะเกิดประโยชน์กับคนในวัยทำงานเท่านั้น แต่คนที่อยู่ในวัยเรียน ก็จำเป็นต้องมีสมาธิ จึงไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำ เพื่อปรับสมดุลให้กับทั้งร่างกายและจิตใจ
4. น้ำ ช่วยย่อยอาหาร
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าการดื่มน้ำหนึ่งแก้วในตอนเช้าจะช่วยให้ระบบการ ย่อยอาหารของเราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำยังช่วยให้รู้สึกสบายกระเพาะด้วย เพราะน้ำจะ
ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของเราทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนกลับ ที่หลาย ๆ คนมักจะเป็น หรือกลัวที่จะเป็น น้ำจะช่วยป้องกันไม่ได้เกิดอาการเหล่านั้นได้
5. ผิวใส สุขภาพดี
ทุกคนต่างก็รู้ถึงคุณประโยชน์ของน้ำในแง่ที่ช่วยให้ผิวพรรณดีกันอยู่แล้ว และยังเชื่อกันว่า หากผิวที่สดใสของเราได้รับน้ำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและเพียงพอก็จะช่วยให้ สดใสยิ่งขึ้น น้ำยังจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี หน้าตาสดใสบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีสุขภาพดี น้ำนั้นมีคุณประโยชน์ต่อผิวหนังของเรา เพราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วย
เห็นคุณประโยชน์ที่มีมากมายหลายหลากของน้ำขนาดนี้ ก็ไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำเพื่อเสริมสร้างความสดชื่นให้กับสุขภาพที่ดีของคุณ เพราะน้ำไม่เพียงแต่จะหล่อเลี้ยงร่างกายเราให้สดชื่นเท่านั้น แต่ยังหล่อเลี้ยงร่างกายของเราให้สดใสอีกด้วย
มารู้จักกับค่า ORP เเละค่า pH ของน้ำกัน
ค่า ORP (Oxidation Reduction Potential)
มะเร็งไม่ชอบออกซิเจน
ในปี ค.ศ. 1932(พ.ศ.2475) นายแพทย์ Otto Warburg ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เพราะเป็นผู้ค้นพบว่า เนื้องอกจะชอบอาศัยในที่ไม่มีอากาศ และเขาสรุปว่า เนื้องอก (หมายถึงมะเร็ง) ชอบเกิดในที่ปราศจากออกซิเจน (Cancer occurs in the absence of free Oxygen) การค้นพบครั้งนี้นับว่ามีค่าอย่างยิ่ง และในวงการแพทย์เห็นว่าเขาสมควรได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Prize) อย่างแท้จริง ผลของการศึกษาของนายแพทย์วอร์เบิร์ก นี้อาจพูดอย่างง่ายๆว่า มะเร็งเกิดขึ้นเพราะการขาดออกซิเจนภายในร่างกาย ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่ทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจนขึ้นสิ่งนั้นก็คือต้น เหตุของการเกิดมะเร็ง และสิ่งที่ทำให้ร่างกายมีออกซิเจนได้ตามปกติ หรือมีออกซิเจนสมบูรณ์ สิ่งนั่นยิ่งป้องกันการเกิดมะเร็งได้ สารละลายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์เมื่อหันมาดูความเป็นกรด ,ด่างในทางเคมี สารละลายที่มีค่า pH มากกว่า 7.0 ถือว่าเป็นด่าง และจะมีคุณสมบัติที่ดึงออกซิเจนเอามาไว้ในสารละลายนั้น ในขณะที่สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 จะถือว่ามีฤทธิ์เป็นกรดและจะไม่ยึดออกซิเจน หรืออีกนัยหนึ่ง ออกซิเจนไม่มีละลายในน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด สารละลายที่เป็นด่างอ่อนๆ ได้ถึง 100 เท่า ถ้าตามผลงานของนายแพทย์ Warburg ความเป็นกรดของร่างกาย ก็จะเป็นตัวนำให้เกิดมะเร็งได้ เพราะออกซิเจนไม่ชอบอยู่ในที่เป็นกรด ผลงานของนายแพทย์ Warburg ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อยู่จนทุกวันนี้น้ำที่ผ่านรังสีอินฟราเรดจะมีฤทธิ เป็นด่างในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นยังนิยมใช้น้ำที่อ้างว่ามีคลื่นแม่เหล็กในการรักษาโรค หลายอย่าง เช่น โรคไต โรคชรา และโรคระบบปนะสาท โดยให้เหตุผลว่า เพราะน้ำที่ผ่านสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) หรือผ่านรังสีอินฟราเรดนั้นจะมีสภาพเป็นด่าง มีโครงสร้างเล็กลง และมีอิเลคตรอนประจุลบ (ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ) ฯลฯ คุณสมบัติทั้งหมดถ้ามีจริงก็ถือว่าเป็นประโยชน์และเป็นความต้องการของเซล ลืในร่างกาย มีนักวิจัย 2 ท่าน คือ Reich และ Barefoot พบว่า pH ที่เป็นด่างสูงๆ นั้น เซลล์มะเร็งไม่ชอบและมะเร็งจะหยุดการเจริญได้ซึ่งเป็นการคล้อยตามผลงานนาย แพทย์ Warburg อีกด้วย
ที่มา : หนังสือ Water for Life น้ำดื่มในอุดมคติ
น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายมนุษย์ โดยมนุษย์ที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 70 กิโลกรัมจะมีน้ำในร่างกายประมาณ 40 ลิตร หรือ 57% ของน้ำหนักร่างกาย เลือด ประกอบด้วยน้ำกว่า 90% และสมองก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก การดื่มน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อร่างกาย
น้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง) คือน้ำที่มีสภาพเป็นด่าง (ph>8.0) ค่า pH (Potential Hydrogen หรือ Power of Hydrogen) คือ ค่าที่แสดงภาวะความเป็นกรด เป็นด่าง โดยที่ค่า pH 0-6.9 จะมีภาวะความเป็นกรด, ค่า pH 7 จะมีภาวะความเป็นกลาง เเละค่า pH 7.1-14 จะมีภาวะความเป็นด่าง
ระบบโลหิตของมนุษย์เราต้องการฤทธิ์ด่าง ตามปกติเลือดของคน มีค่า pH 7.35 – 7.45 นั่นคือด่างอ่อนๆ ถ้า pH ในเลือดต่ำกว่า 7.3 คนไข้จะเริ่มมีอาการสภาวะกรดเป็นพิษในเลือด (Acidosis) และถ้าต่ำกว่า 7.0 จนไปถึง 6.8 (กรด) คนไข้จะหมดสติและอาจตายได้ถ้าไม่รีบแก้ไขให้ทันท่วงทีอาหารที่ เรารับประทานเข้าไปบางส่วนนอกจากจะไม่ถูกย่อยสลายแล้ว ยังเปลี่ยนไปเป็นสารพิษ หรืออนุมูลอิสระ(Anti-oxidant) ที่ก่อให้เกิดโรคต่อร่างกายได้ เพราะอาหารบางอย่างมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้กระป๋อง น้ำอัดลม เนื้อสัตว์ เบียร์ กาแฟ ยาสูบ เป็นต้น ทำให้ร่างกายสะสมกรดไว้ และอาจจะมาจากสาเหตุอื่นด้วย เช่น การกิน การนอน และอารมณ์ของแต่ละคน น้ำอัดลมนั้นมีค่าความเป็นกรด สูงถึง pH 2.5 นอกจากนี้อาหารในยุคปัจจุบันชนิดอื่นๆ เช่น อาหาร Fast Food ยังมีฤทธิที่เป็นกรดอีกด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงต้องดื่มน้ำที่มีค่าความเป็นด่าง เพื่อไปลดความเป็นกรดจากอาหารและน้ำอัดลมที่เราทานเข้าไป คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อคุณดื่มน้ำอัดลม 1 ขวด คุณจะต้องดื่มน้ำแร่ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆขนาดเท่ากัน 2 ขวด จึงจะดึงเลือดให้กลับมาสมดุลอย่างเดิมได้ นอกจากนี้แล้วร่างกายต้องการความเป็นด่างโดยดึงแคลเซียมจากกระดูก แต่หากร่างกายได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่าง ก็จะทำให้เลือดไม่ต้องไปขอยืมแร่ธาตุคือแคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากร่างกาย เพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอ และทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
Source : วิจิตร บุณยะโหตระ,ศ.นพ.ดร.,น้ำเพื่อชีวิต,ความมหัศจรรย์ของน้ำ,คุณสมบัติของน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ
5 คุณประโยชน์จากการดื่มน้ำ
ดื่มน้ำสิดี
มีประโยชน์” เป็นสิ่งที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว แต่อาจจะรู้มากรู้น้อยต่างกันไป
ความจริงแล้ว “น้ำ” เป็นเครื่องดื่มง่าย
ๆที่ให้ประโยชน์สารพัด ตั้งแต่เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น
เป็นยาแก้สารพัดโรค ไปจนถึงเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มในยามที่ ไม่รู้จะดื่มอะไรดี
คุณประโยชน์ของน้ำนี่อาจต้องใช้เวลาทั้งวันสาธยาย
ก็อาจจะยังพูดไม่จบ เพราะน้ำเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณที่คาดไม่หมดแต่ก็สามารถแบ่งได้เป็น
5 คุณประโยชน์หลัก ที่พอจะบอกกล่าวได้ว่าน้ำนั้นมีดีอะไรบ้าง 1. น้ำ ยาดีที่อยู่ใกล้ตัว
บางคนอาจจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้ำช่วยรักษาโรคได้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ทำให้หายเจ็บปวดในทันที แต่อาการเจ็บป่วยบางอย่างสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดื่มน้ำนะ ไม่ว่าจะเป็น ปวดศีรษะ ปัญหาระบบย่อยอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ไมเกรนและที่แน่ ๆ น้ำช่วยรักษาปัญหาผิวหนังได้อย่างแน่นอน เพราะน้ำจะไปช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกน้ำ รักษาโรคแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะบรรเทาเบาบางไปได้ ก็ต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ลิตรนะ
2. น้ำ ยาลดปวดศรีษะ
น้ำนอกจากจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย และเพิ่มความสดชื่นแล้ว น้ำยังมีประโยชน์ต่อคนที่ปวดศีรษะเป็นประจำ หรือคนที่เป็นโรคไมเกรนได้ดีอีกด้วย หากได้ดื่มน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้อาการปวดไมเกรนลดลงได้บ้าง เพราะผลการวิจัยบอกว่าในรายที่ ป่วยเป็นโรคไมเกรน หากร่างกายขาดน้ำก็จะยิ่งปวดไมเกรนมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อช่วยลดอาการดังกล่าว
3. สมาธิเกิดได้ด้วยน้ำ
เชื่อหรือไม่ว่า น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในร่างกายของคนเราจะช่วยเพิ่มความสดชื่นกับร่าง กายแล้ว น้ำยังช่วยทำให้จิตใจของเราผ่อนคลาย ลดความเครียด และเกิดสมาธิ
นอกจากจะเกิดประโยชน์กับคนในวัยทำงานเท่านั้น แต่คนที่อยู่ในวัยเรียน ก็จำเป็นต้องมีสมาธิ จึงไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำ เพื่อปรับสมดุลให้กับทั้งร่างกายและจิตใจ
4. น้ำ ช่วยย่อยอาหาร
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าการดื่มน้ำหนึ่งแก้วในตอนเช้าจะช่วยให้ระบบการ ย่อยอาหารของเราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำยังช่วยให้รู้สึกสบายกระเพาะด้วย เพราะน้ำจะ
ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของเราทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนกลับ ที่หลาย ๆ คนมักจะเป็น หรือกลัวที่จะเป็น น้ำจะช่วยป้องกันไม่ได้เกิดอาการเหล่านั้นได้
5. ผิวใส สุขภาพดี
ทุกคนต่างก็รู้ถึงคุณประโยชน์ของน้ำในแง่ที่ช่วยให้ผิวพรรณดีกันอยู่แล้ว และยังเชื่อกันว่า หากผิวที่สดใสของเราได้รับน้ำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและเพียงพอก็จะช่วยให้ สดใสยิ่งขึ้น น้ำยังจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี หน้าตาสดใสบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีสุขภาพดี น้ำนั้นมีคุณประโยชน์ต่อผิวหนังของเรา เพราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วย
เห็นคุณประโยชน์ที่มีมากมายหลายหลากของน้ำขนาดนี้ ก็ไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำเพื่อเสริมสร้างความสดชื่นให้กับสุขภาพที่ดีของคุณ เพราะน้ำไม่เพียงแต่จะหล่อเลี้ยงร่างกายเราให้สดชื่นเท่านั้น แต่ยังหล่อเลี้ยงร่างกายของเราให้สดใสอีกด้วย
มารู้จักกับค่า ORP เเละค่า pH ของน้ำกัน
ค่า ORP (Oxidation Reduction Potential)
เป็นค่าที่หักล้างกันระหว่างโปรตรอน กับอิเลคตรอน โดยใช้
ORP มิเตอร์เป็นตัววัด ผลที่ได้มีค่าเป็น บวก หรือ ลบ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำนั้นๆ
เช่น น้ำประปามีค่า ORP +400 mV., น้ำแร่(บางชนิด) มีค่า +80
ถึง + 200 mV. น้ำที่มีค่าคุณภาพสูงที่ดีต่อร่างกาย
ควรมีค่า ORP ติดลบ ค่า ORP นี้
แสดงความสามารถในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ยิ่งมีค่าต่ำยิ่งมีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระ
- น้ำที่มีประจุบวก(H+) เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อโรค (ORP บวก,pH ต่ำกว่า7)
น้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดจากกระบวนการอิเลคโตรไลซิสจะมีโปรตอนของ
ไฮโดรเจนซึ่งเป็นประจุบวก(H+) สูง จึงต้องการอิเลคตรอนซึ่งมีประจุไฟฟ้าลบค่อนข้างมาก
เพื่อมาทำให้เกิดความสมดุล คือมีประจุไฟฟ้าบวกเท่ากับประจุไฟฟ้าลบ ดังนั้นจึงทำน้ำให้มีอำนาจทำลายเช่นเดียวกับอนุมูลอิสระทั่วไป
คอยแย่งอิเลคตรอนจากเซลล์ใกล้เคียง น้ำนี้จึงไม่ควรกิน ถ้าแยกออกมาเป็นก๊อกต่างหากจะมีประสิทธิภาพเหมาะเอาไปฆ่าเชื้อโรค
โดยการดึงอิเลคตรอนจากแบคทีเรียหรือไวรัสที่มันได้สำผัสทำให้เชื้อโรคตาย เหมาะสำหรับนำไปล้างแผล
และใช้ล้างเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น ถ้าวัดหาค่าประจุไฟฟ้าในน้ำชนิดนี้ โดยใช้ ORP
meter จะอ่านได้ค่าโออาร์พี เป็นบวก (ORP+) ซึ่งหมายความว่าน้ำนั้นไม่มีอิเลคตรอนประจุไฟฟ้าลบอยู่เลย
หน่วยวัดแรงดันประจุไฟฟ้าคิดเป็น mV (milli Volt) บางครั้งอาจวัดได้ค่า
ORP สูงถึง+800 mV ยิ่งค่าบวกมากขึ้นจะมีค่า
pH ต่ำลง (คือเป็นกรดแรง) และอำนาจทำลายเซลล์ (เชื้อโรค)
ก็แรงมากตามไปด้วย (pH ต่ำกว่า 7 ถือเป็นกรด)
อิเลคตรอนไม่สามารถเดินทางได้โดยลำพังในร่างกาย ต้องอาศัยเกาะไปกับไฮโดรเจนเท่านั้นและเรียกชื่อใหม่ว่า
แอคตีฟไฮโดรเจน (Active Hydrogen) หรือไฮโดรเจนไอออน (Hydrogen
on) ซึ่งถือว่าเป็นลูกกระสุนสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุไฮโดรเจนมีหน้ำหนักโมเลกุลเบาที่สุด
ทำให้เดินทางคล่องแคล่วมาก สามารถไปได้ทุกหนทุกแห่งของร่างกาย รวมทั้งภายในเซลล์
(จากบทความตอนหนึ่งของ Dr.Albert Gyorgyi ผู้ได้รับการเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล
จากผลงานวิจัยเรื่องวิตามินซี)
- น้ำดื่มที่มีอิเลคตรอนประจุลบเหมาะสำหรับบริโภค (ORP ลบ, pH มากกว่า 7)
น้ำอีกกลุ่มหนึ่งที่แตกตัวเป็นไฮดรอกซิลไออออนออกมาจะมีคุณสมบัติ
เป็นด่าง (Alkalinity) อาจมีค่า pH สูงถึง
10 คือมีความเป็นด่างอย่างแรง และมีค่า ORP (โออาร์พี) เป็นลบ (ORP-) วัดได้ -600mV ตามทฤษฎีถ้าน้ำทั้งสองชนิดซึ่งเป็นกรดและเป็นด่างแต่พอผ่านกระบวนการแตกตัว
เป็นไอออนแล้วเอามาอยู่รวมกัน ไม่แยกจากกันเป็นสองช่อง คือ โออาร์พีบวก กับโออาร์พีลบ
เช่นให้น้ำไหลผ่านสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) ขนาด 800
เกาซอย่างเครื่องกรองน้ำทั่วไป ก็มักจะมีค่า ORP (โออาร์พี) สุทธิเป็นลบ ประมาณ 200 mV ถึงลบ 300
mV (-200 mV ถึง -300 mV) มีผู้อธิบายว่าทั้งนี้เพราะความเป็นประจุไฟฟ้าลบจากการแตกตัวเป็นไอออน
ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 70% จึงต้องเจือจางจากประจุไฟฟ้าบวก (Proton)
ที่อยู่ตัว 30% เพราะน้ำทั้งสองย่างรวมกันอยู่ในเครื่องกรองน้ำ
จึงมีส่วนที่เหลือสุทธิเป็นร้อยละ 40 คือ ได้ ORP ลบ การได้ค่า ORP ของน้ำที่ออกมาเป็นลบ เช่น ORP-200
mV ก็ถือว่านั้นมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระ ค่า ORP เป็นลบมากๆ ก็ยิ่งต้านอนุมูลอิสระได้สูง (ถ้า ORP ลบเกิน
400 mV ต้องเอาไปทำให้เจือจางลง) เพราะมีอิเลคตรอนประจุไฟฟ้าลบจำนวนเพียงพอที่พร้อมจะเข้าไปหยุดหรือตัด
ปฏิกิริยาห่วงโซ่ของอนุมูลอิสระ (Oxidative Stress) ดังนั้นน้ำดื่มที่วัดได้
ORP (โออาร์พี)มีค่าเป็นลบ จึงเป็นน้ำที่เหมาะสำหรับบริโภค
มะเร็งไม่ชอบออกซิเจน
ในปี ค.ศ. 1932(พ.ศ.2475) นายแพทย์ Otto Warburg ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เพราะเป็นผู้ค้นพบว่า เนื้องอกจะชอบอาศัยในที่ไม่มีอากาศ และเขาสรุปว่า เนื้องอก (หมายถึงมะเร็ง) ชอบเกิดในที่ปราศจากออกซิเจน (Cancer occurs in the absence of free Oxygen) การค้นพบครั้งนี้นับว่ามีค่าอย่างยิ่ง และในวงการแพทย์เห็นว่าเขาสมควรได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Prize) อย่างแท้จริง ผลของการศึกษาของนายแพทย์วอร์เบิร์ก นี้อาจพูดอย่างง่ายๆว่า มะเร็งเกิดขึ้นเพราะการขาดออกซิเจนภายในร่างกาย ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่ทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจนขึ้นสิ่งนั้นก็คือต้น เหตุของการเกิดมะเร็ง และสิ่งที่ทำให้ร่างกายมีออกซิเจนได้ตามปกติ หรือมีออกซิเจนสมบูรณ์ สิ่งนั่นยิ่งป้องกันการเกิดมะเร็งได้ สารละลายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์เมื่อหันมาดูความเป็นกรด ,ด่างในทางเคมี สารละลายที่มีค่า pH มากกว่า 7.0 ถือว่าเป็นด่าง และจะมีคุณสมบัติที่ดึงออกซิเจนเอามาไว้ในสารละลายนั้น ในขณะที่สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 จะถือว่ามีฤทธิ์เป็นกรดและจะไม่ยึดออกซิเจน หรืออีกนัยหนึ่ง ออกซิเจนไม่มีละลายในน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด สารละลายที่เป็นด่างอ่อนๆ ได้ถึง 100 เท่า ถ้าตามผลงานของนายแพทย์ Warburg ความเป็นกรดของร่างกาย ก็จะเป็นตัวนำให้เกิดมะเร็งได้ เพราะออกซิเจนไม่ชอบอยู่ในที่เป็นกรด ผลงานของนายแพทย์ Warburg ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อยู่จนทุกวันนี้น้ำที่ผ่านรังสีอินฟราเรดจะมีฤทธิ เป็นด่างในปัจจุบัน ประเทศญี่ปุ่นยังนิยมใช้น้ำที่อ้างว่ามีคลื่นแม่เหล็กในการรักษาโรค หลายอย่าง เช่น โรคไต โรคชรา และโรคระบบปนะสาท โดยให้เหตุผลว่า เพราะน้ำที่ผ่านสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) หรือผ่านรังสีอินฟราเรดนั้นจะมีสภาพเป็นด่าง มีโครงสร้างเล็กลง และมีอิเลคตรอนประจุลบ (ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ) ฯลฯ คุณสมบัติทั้งหมดถ้ามีจริงก็ถือว่าเป็นประโยชน์และเป็นความต้องการของเซล ลืในร่างกาย มีนักวิจัย 2 ท่าน คือ Reich และ Barefoot พบว่า pH ที่เป็นด่างสูงๆ นั้น เซลล์มะเร็งไม่ชอบและมะเร็งจะหยุดการเจริญได้ซึ่งเป็นการคล้อยตามผลงานนาย แพทย์ Warburg อีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำ โออาร์พีลบ (ORP-) : ผู้ปราบอนุมูลอิสระ (Radical
Scavenger)
น้ำดื่มที่มีค่า โออาร์พีเป็นลบ (Negative ORP) ก็คือ
สารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ จะต้านมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณค่าลบของORP
ซึ่งวัดเป็นมิลลิโวลท์ ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของมันก็คือ คุณสมบัติในการช่วยป้องกันอันตรายต่อร่างกาย
อันจะเกิดจากอนุมูลอิสระ (FreevRadical) ผลร้ายจากอนุมูลอิสระ
(Oxiative Stress) ที่พบบ่อยพอจะสรุปได้ดังนี้ คือ
1. อนุมูลอิสระโจมตีโมเลกุลของ ดีเอ็นเอ (DNA Molecule) ทำให้เสื่อสภาพ รหัสพันธุกรรมจะผิดปกติ ทำให้เซลล์แก่ตาย หรืออาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งที่ ปอด (Lung) ปากมดลูก (Cervix) ต่อมลูกหมาก (Prostate) สำไส้ใหญ่ (Colon) ฯลฯ
2. อนุมูลอิสระทำอันตรายไขมันชนิด LDL(แอลดีแอล) ซึ่งมักจับเป็นคราบ (Plaque) ในหลอดเลือด เกิด Lipid Peroxidationทำให้หลอดโลหิต แข็งตัว (Atherosclerosis) และอุดตันการไหลเวียนของเลือด จนอาจเป็นโรค เนื้อสมองตาย หรือโรคหัวใจขาดเลือด(Myocardial Infarction) ตามมาได้
3. อนุมูลอิสระทำให้เอนไซม์ระดับเซลล์ (Cellular Enzyme) เสื่อม ลดประสิทธิภาพที่จะเร่งปฏิกิริยาเคมี เป็นผลให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เกิดโรคแห่งความเสื่อมต่างๆ (Degenerative Disease) เช่นโรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ โรคผิวหนังบางชนิด โรคภูมิแพ้ หืด โรคชรา มะเร็ง ฯลฯ
4. อนุมูลอิสระทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) และอาจลามไปถึงไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) เซลล์จึงไม่สามารถสร้างและใช้พลังงาน เอทีพี (ATP) ได้ ทำให้มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังและเซลล์จะแก่ตัวเร็วขึ้น (จากเรื่อง Free Radical Theory of AgingโดยDr.Denham Harman ค.ศ. 1956)
5. อนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดต้อกระจก (Cataract) และโรคจอภาพตาเสื่อม (Macular Degeneration) ต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระที่นัยน์ตามาจาก แสงแดด รังสีจากจอคอมพิวเตอร์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
6. อนุมุลอิสระอาจเกี่ยวพันกับการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหืด และลดภูมิต้านทานโรค
7. อนุมูลอิสระอาจทำให้เชื้ออสุจิของผู้ชาย (Sperm) เสื่อมคุณภาพ เป็นผลให้มีบุตรยาก หรือถ้ามี ทารกก็มีโอกาสคลอดออกมาพิการได้
1. อนุมูลอิสระโจมตีโมเลกุลของ ดีเอ็นเอ (DNA Molecule) ทำให้เสื่อสภาพ รหัสพันธุกรรมจะผิดปกติ ทำให้เซลล์แก่ตาย หรืออาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งที่ ปอด (Lung) ปากมดลูก (Cervix) ต่อมลูกหมาก (Prostate) สำไส้ใหญ่ (Colon) ฯลฯ
2. อนุมูลอิสระทำอันตรายไขมันชนิด LDL(แอลดีแอล) ซึ่งมักจับเป็นคราบ (Plaque) ในหลอดเลือด เกิด Lipid Peroxidationทำให้หลอดโลหิต แข็งตัว (Atherosclerosis) และอุดตันการไหลเวียนของเลือด จนอาจเป็นโรค เนื้อสมองตาย หรือโรคหัวใจขาดเลือด(Myocardial Infarction) ตามมาได้
3. อนุมูลอิสระทำให้เอนไซม์ระดับเซลล์ (Cellular Enzyme) เสื่อม ลดประสิทธิภาพที่จะเร่งปฏิกิริยาเคมี เป็นผลให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เกิดโรคแห่งความเสื่อมต่างๆ (Degenerative Disease) เช่นโรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบ โรคผิวหนังบางชนิด โรคภูมิแพ้ หืด โรคชรา มะเร็ง ฯลฯ
4. อนุมูลอิสระทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) และอาจลามไปถึงไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) เซลล์จึงไม่สามารถสร้างและใช้พลังงาน เอทีพี (ATP) ได้ ทำให้มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังและเซลล์จะแก่ตัวเร็วขึ้น (จากเรื่อง Free Radical Theory of AgingโดยDr.Denham Harman ค.ศ. 1956)
5. อนุมูลอิสระเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดต้อกระจก (Cataract) และโรคจอภาพตาเสื่อม (Macular Degeneration) ต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระที่นัยน์ตามาจาก แสงแดด รังสีจากจอคอมพิวเตอร์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
6. อนุมุลอิสระอาจเกี่ยวพันกับการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหืด และลดภูมิต้านทานโรค
7. อนุมูลอิสระอาจทำให้เชื้ออสุจิของผู้ชาย (Sperm) เสื่อมคุณภาพ เป็นผลให้มีบุตรยาก หรือถ้ามี ทารกก็มีโอกาสคลอดออกมาพิการได้
สรุปประโยชน์ของน้ำ ORP ลบ
น้ำ ORP ลบที่สะอาด มีแร่ธาตุ กลุ่มโมเลกุลเล็ก
แรงตึงผิวต่ำ มีสภาวะด่าง จัดเป็นน้ำดื่มในอุดมคติ ที่เหมาะแก่การบริโภค
มีประจุอิเลคตรอน ที่พร้อมให้โดยไม่เอาคืน
1. จึงใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าเชื้อโรค
2. ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง จากภาวะที่เป็นด่าง มีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำ และมีออกซิเจน
3. ลดความอ้วน จากการที่มีแร่ธาตุที่ใช้ในกระบวนการ Cellular burn เซลล์ดูดซึมง่าย ลดภาวะดื้ออินซูลิน
4. ต้านเบาหวาน ความดันเลือดสูง จากผลลดความหนืดของเลือด
5. ต้านสมองเสื่อม จาก O2 ที่เพิ่มในน้ำและเนื้อเยื่อ
6. ต้านกระดูกพรุน ฟันผุ เนื่องจากมีแร่ธาตุ ช่วยสะเทินภาวะกรดจากอาหารประจำวัน
7. กรณีที่กินยา น้ำที่ดีจะช่วยนำและดูดซึมยาได้ดี ทำให้ยาออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ
8. ในแง่ของความสวยความงาม น้ำที่ดูดซึมง่าย เนื่องจากมีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำพร้อมออกซิเจน ช่วยบำรุงเซลล์ เติมความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงเหมาะแก่การใช้ล้างหน้าก่อนลงรองพื้น หรือประกอบงานบริการ Skin care
1. จึงใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าเชื้อโรค
2. ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง จากภาวะที่เป็นด่าง มีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำ และมีออกซิเจน
3. ลดความอ้วน จากการที่มีแร่ธาตุที่ใช้ในกระบวนการ Cellular burn เซลล์ดูดซึมง่าย ลดภาวะดื้ออินซูลิน
4. ต้านเบาหวาน ความดันเลือดสูง จากผลลดความหนืดของเลือด
5. ต้านสมองเสื่อม จาก O2 ที่เพิ่มในน้ำและเนื้อเยื่อ
6. ต้านกระดูกพรุน ฟันผุ เนื่องจากมีแร่ธาตุ ช่วยสะเทินภาวะกรดจากอาหารประจำวัน
7. กรณีที่กินยา น้ำที่ดีจะช่วยนำและดูดซึมยาได้ดี ทำให้ยาออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ
8. ในแง่ของความสวยความงาม น้ำที่ดูดซึมง่าย เนื่องจากมีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำพร้อมออกซิเจน ช่วยบำรุงเซลล์ เติมความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงเหมาะแก่การใช้ล้างหน้าก่อนลงรองพื้น หรือประกอบงานบริการ Skin care
ที่มา : หนังสือ Water for Life น้ำดื่มในอุดมคติ
เครื่องทำน้ำด่างดีต่อสุขภาพอย่างไร
น้ำอัลคาไลน์ Alkaline
Water หรือน้ำด่าง คือ น้ำดื่มสะอาด ที่มีค่าความเป็นด่าง
และมีแร่ธาตุสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม และโปรแทสเซียม ผสมอยู่ในน้ำ และจะต้องไม่มีแร่ธาตุจำพวกโลหะหนักผสมอยู่ น้ำที่ได้ควรจะต้องมีโมเลกุลขนาดเล็ก
ทำให้โครงสร้างของน้ำจับตัวกันใหม่เป็นกลุ่มขนาดเล็ก (MICRO CLUSTER) มีความเป็นระเบียบกว่าและดูดซึมเข้าเซลล์ในร่างกายได้ง่ายกว่าจึงพาออกซิเจน
เอนไซม์ และสารอาหารต่าง ๆ เข้าไปในเซลล์ของร่างกายได้ง่ายขึ้น
และสามารถพาเอาขยะสารพิษ (TOXIN) ต่าง ๆ
รวมทั้งแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นผลจากการเผาผลาญอาหาร (METABOLISM) ออกมา เซลล์จึงสดชื่น แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค ไม่เจ็บป่วยง่าย
น้ำที่มีโมเลกุลขนาดเล็กจะสะดวกต่อการที่ร่างกายจะนำไปใช้งานในส่วนต่างๆของร่างกาย
เพื่อชำระล้างของเสียออกจากร่างกายตามทางออกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเหงื่อ
ทางปัสสาวะ ได้สะดวกยิ่งขึ้น หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าการทำดีท็อคร่างกายนั่นเอง
น้ำด่าง หรือน้ำอัลคาไลน์ช่วยชำระล้างขยะของเสียที่มีฤทธิ์เป็นกรด (ACIDIC
WASTE) ออกจากร่างกายเพื่อปรับความสมดุลของร่างกายให้เหมาะสม (pH
BALANCE) ภาวะเป็นกรดจะทำให้เกิด โรคกระเพาะ ,โรคอ้วน ,โรคผิวหนัง , โรคหัวใจ
,โรคเบาหวาน และรวมไปถึงโรคมะเร็ง
สำหรับ ผู้ที่ได้ดื่มน้ำด่าง หรือน้ำอัลคาไลน์เป็นประจำ
ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดีกว่าน้ำดื่มประเภทอื่นๆอยู่หลายเท่า
จะทำให้ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดน้ำ ในการนี้ทางการแพทย์ได้มีมีการวิจัยแล้วว่า
เชื้อมะเร็งเกิดขึ้น และเติบโตได้ดีในสภาพที่เป็นกรด
ซึ่งมักเกิดแฝงมาจากอาหารการกินของเราเองจำพวก แป้ง เนื้อสัตว์
และอื่นๆที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ร่างกายเราปรับสภาพไม่ทัน ดังนั้นน้ำด่าง
หรือน้ำดื่มอัลคาไลน์จะช่วยลดสภาพความเป็นกรดในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นๆ
ทำให้ผิวพรรณผ่องใส ช่วยต้านโรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ และโรคร้ายต่าง ๆ
DR.OTTO WARBURG (ดร.อ็อตโต ออร์เบิร์ก)
ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ใน ค.ศ. 1931 พบว่า
เชื้อแบคทีเรียและไวรัสไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในร่างกายที่มีสภาพความเป็นด่าง
(โรคมะเร็งชอบอยู่ในที่ ๆ มีความเป็นกรด)ปกติ pH ในกระแสโลหิตจะอยู่ที่
7.365 (ค่อนมาทางด่าง) น้ำโดยส่วนมาก pH น้อยกว่าหรือเท่ากับ pH ใน ร่างกายมนุษย์
แต่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายสร้างภาวะกรดขึ้นมาตลอดเวลา
(กระบวนการเผาผลาญในร่างกาย)
ภาวะความเป็นกรดก่อให้เกิดความเสียหายกับเซลล์มากมายและเป็นสาเหตุของการ
เกิดโรคต่างๆ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อทำงานอย่างผิดปกติ (ตะคริว), หลอดเลือดตีบ, ความดันโลหิตสูง-ต่ำ, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน,
โรคหัวใจ, และโรคมะเร็ง
จึงต้องมีสิ่งที่จะไปสะเทินกับความเป็นกรดที่เกิดขึ้นในร่างกาย
มิเช่นนั้นร่างกายจะดึงแร่ธาตุ อาทิ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม
มาใช้เพื่อการปรับสมดุล pH ในร่างกาย
(หากร่างกายมีการเสียสมดุล คือ pH ต่ำกว่า 6.9 อาจมีอาการช็อคและหมดสติ)
ทำไมต้องดื่มน้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง)
น้ำ เป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายมนุษย์ โดยมนุษย์ที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 70 กิโลกรัมจะมีน้ำในร่างกายประมาณ 40 ลิตร หรือ 57% ของน้ำหนักร่างกาย เลือด ประกอบด้วยน้ำกว่า 90% และสมองก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก การดื่มน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อร่างกาย
น้ำอัลคาไลน์ (น้ำด่าง) คือน้ำที่มีสภาพเป็นด่าง (ph>8.0) ค่า pH (Potential Hydrogen หรือ Power of Hydrogen) คือ ค่าที่แสดงภาวะความเป็นกรด เป็นด่าง โดยที่ค่า pH 0-6.9 จะมีภาวะความเป็นกรด, ค่า pH 7 จะมีภาวะความเป็นกลาง เเละค่า pH 7.1-14 จะมีภาวะความเป็นด่าง
ระบบโลหิตของมนุษย์เราต้องการฤทธิ์ด่าง ตามปกติเลือดของคน มีค่า pH 7.35 – 7.45 นั่นคือด่างอ่อนๆ ถ้า pH ในเลือดต่ำกว่า 7.3 คนไข้จะเริ่มมีอาการสภาวะกรดเป็นพิษในเลือด (Acidosis) และถ้าต่ำกว่า 7.0 จนไปถึง 6.8 (กรด) คนไข้จะหมดสติและอาจตายได้ถ้าไม่รีบแก้ไขให้ทันท่วงทีอาหารที่ เรารับประทานเข้าไปบางส่วนนอกจากจะไม่ถูกย่อยสลายแล้ว ยังเปลี่ยนไปเป็นสารพิษ หรืออนุมูลอิสระ(Anti-oxidant) ที่ก่อให้เกิดโรคต่อร่างกายได้ เพราะอาหารบางอย่างมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำผลไม้กระป๋อง น้ำอัดลม เนื้อสัตว์ เบียร์ กาแฟ ยาสูบ เป็นต้น ทำให้ร่างกายสะสมกรดไว้ และอาจจะมาจากสาเหตุอื่นด้วย เช่น การกิน การนอน และอารมณ์ของแต่ละคน น้ำอัดลมนั้นมีค่าความเป็นกรด สูงถึง pH 2.5 นอกจากนี้อาหารในยุคปัจจุบันชนิดอื่นๆ เช่น อาหาร Fast Food ยังมีฤทธิที่เป็นกรดอีกด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงต้องดื่มน้ำที่มีค่าความเป็นด่าง เพื่อไปลดความเป็นกรดจากอาหารและน้ำอัดลมที่เราทานเข้าไป คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อคุณดื่มน้ำอัดลม 1 ขวด คุณจะต้องดื่มน้ำแร่ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆขนาดเท่ากัน 2 ขวด จึงจะดึงเลือดให้กลับมาสมดุลอย่างเดิมได้ นอกจากนี้แล้วร่างกายต้องการความเป็นด่างโดยดึงแคลเซียมจากกระดูก แต่หากร่างกายได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่าง ก็จะทำให้เลือดไม่ต้องไปขอยืมแร่ธาตุคือแคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากร่างกาย เพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอ และทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
Source : วิจิตร บุณยะโหตระ,ศ.นพ.ดร.,น้ำเพื่อชีวิต,ความมหัศจรรย์ของน้ำ,คุณสมบัติของน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ